มีแมลงสาบตัวหนึ่งบินเข้าไปในภัตตาคารแห่งหนึ่ง แล้วเข้าไปเกาะที่ลูกค้าหญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ ทันใดหล่อนก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ดีดตัวออกจากเก้าอี้ ใช้มือทั้งสองข้างที่อ่อนระโหยโรยแรงพยายามปัดแมลงสาบออกจากตัวเธอ ท่าทางและเสียงร้องโวยวายของเธอทำให้เพื่อนๆที่นั่งรับประทานอยู่ในวงพลางตกอกตกใจตามไปด้วย ที่สุดหล่อนก็สามารถจัดการเอาแมลงสาบออกไปจากตัวเธอได้...แต่เจ้ากรรม...แมลงสาบตัวนั้นก็บินไปเกาะที่เพื่อนหญิงอีกคนหนึ่งในกลุ่ม แล้วก็เป็นเช่นเดิม มีเสียงกรีดร้อง ตามด้วยการลุกขึ้นเต้น พยายามปัดแมลงสาบให้ออกไปจากตัวเธอ พนักงานเสริฟชายรีบเข้าไปช่วย พอดีกับที่แมลงสาบตัวนั้นบินมาเกาะที่เสื้อของเขา เขามองดูพฤติกรรมของเจ้าแมลงสาบบนเสื้อของเขาสักครู่ จากนั้นก็คว้าแมลงสาบไว้ในมือของเขา แล้วนำมันไปปล่อยนอกภัตตาคาร
อะไรคือความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมของสตรีทั้งสองกับพนักงานเสริฟ ทั้งๆที่แต่ละคนล้วนถูกแมลงสาบเกาะที่ตัวของตนเองเหมือนกัน สตรีทั้งสองไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่กระเจิดกระเจงของตนเองได้ แต่ในขณะที่พนักงานเสริฟควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างราบเรียบ ปรากฎการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่เสียงตะโกนดุว่าของเจ้านาย ของคนในครอบครัวที่คอยรบกวนผม ทำให้อารมณ์เสีย วิตกกังวล แต่เป็นเพราะการที่ผมไม่สามารถรับมือกับการรบกวนที่เกิดจากเสียงตะโกนดุว่าเหล่านั้นได้ ไม่ใช่การจราจรติดขัดบนท้องถนนที่ทำให้ผมบ่นอยู่ตลอดเวลาขณะขับรถ แต่เป็นเพราะผมไม่สามารถรับมือกับการรบกวนที่เกิดจากรถติด สาเหตุไม่ได้เกิดจากตัวปัญหา แต่เกิดจากปฏิกิริยาที่ผมมีให้กับปัญหา จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย หาความสงบไม่ได้ในชีวิตของผม
ทฤษฎีแมลงสาบให้ข้อคิดกับผม กล่าวคือ แทนที่คนเราจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ (React) กับปัญหาในชีวิตประจำวันเหมือนกับสตรีทั้งสองคน เราควรที่จะตอบรับ (Response) มัน เหมือนกับพนักงานเสริฟ
ปฏิกิริยาตอบโต้ (Reaction) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาติญาณของมนุษย์ แต่การตอบรับ (Response) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการไตร่ตรองที่ดี ดังนั้น การที่เรามีความตระหนักรู้ในตนเองที่จะตอบรับ (Response not react) กับทุกปัญหาทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ก็จะทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น