วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568

 สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา (10 สิงหาคม 2025)

บทไตร่ตรองพระวรสาร: ลูกา 12:32–48
Fr Clarence Devadass

หลายปีก่อน มีคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งได้รับข่าวว่าป้าสูงวัยผู้เป็นที่รัก ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานหลายสิบปี กำลังจะกลับมาเยี่ยม ข่าวนี้เป็นเรื่องน่ายินดีและน่าประหลาดใจ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ — ป้าไม่ได้บอกวันเวลาที่แน่นอน เพียงพูดว่า “เร็ว ๆ นี้”

ด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่จึงเริ่มเตรียมบ้านอย่างดี ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม จัดห้องรับรองให้เรียบร้อย และตุนอาหารที่ป้าชื่นชอบไว้เต็มตู้ วันกลายเป็นสัปดาห์ เพื่อน ๆ พากันแซวว่า “บางทีเธออาจจะไม่มาก็ได้ เสียเวลาเปล่า ๆ” แต่ทั้งคู่ก็ยังคงเตรียมบ้านให้พร้อม และเก็บความคาดหวังไว้ในใจ

จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ขณะที่พระอาทิตย์กำลังลับฟ้า รถแท็กซี่คันหนึ่งมาหยุดที่หน้าประตูบ้าน ป้าก้าวลงมาพร้อมรอยยิ้มและกระเป๋าเดินทาง เธอมาถึงแล้ว และเพราะว่าพวกเขาพร้อมอยู่เสมอ เธอจึงได้รับการต้อนรับด้วยความยินดี อบอุ่น และเต็มไปด้วยความรัก

ภาพนี้คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสื่อในพระวรสารวันนี้ — จงเตรียมพร้อม ไม่ใช่ด้วยความกลัวหรือความกังวล แต่ด้วยความคาดหวังอย่างยินดี การเสด็จมาของพระองค์ไม่ใช่เรื่อง “อาจจะ” แต่เป็นความแน่นอน คำถามที่แท้จริงคือ เมื่อพระองค์เสด็จมา เราพร้อมที่จะต้อนรับหรือไม่?

พระวรสารนี้ไม่ได้เรียกร้องให้เราหวาดระแวง แต่เชิญชวนให้เรามีวิถีชีวิตที่ตื่นเฝ้า ซื่อสัตย์ และเปี่ยมด้วยความหวัง และหัวใจของการเตรียมพร้อมก็คือ “ความเชื่อ” ดังที่บทอ่านที่สองจากจดหมายถึงชาวฮีบรูบอกเราว่า ความเชื่อคือ “ความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ และเป็นหลักฐานของสิ่งที่เรามองไม่เห็น” อับราฮัมและซาราห์เชื่อแม้ท่ามกลางสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้ และความไว้วางใจของพวกเขาก็ได้รับรางวัลตอบแทน

ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่นิ่งเฉย แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิต เคลื่อนไหว อดทน และเปลี่ยนแปลงเรา มันไม่ใช่เพียงความคิดที่เราเห็นด้วย หรือความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ แต่เป็นพลังที่ผลักดันให้เราลงมือทำ เปลี่ยนวิธีเลือกของเรา กำหนดความสัมพันธ์ของเรา และปรับทิศทางความสำคัญของชีวิต ความเชื่อทำให้เรายืนหยัดในความหวังและเป้าหมาย แม้ในยามไม่แน่นอน

ดังนั้น วันนี้เราควรถามตัวเองว่า — ความเชื่อของเรามีอิทธิพลต่อวิธีที่เราพูดและปฏิบัติต่อผู้อื่นหรือไม่? คำพูดของเราสร้างกำลังใจด้วยความเมตตา อดทน และความจริง หรือทำร้ายและสร้างความแตกแยก? การตัดสินใจในแต่ละวันของเรามาจากความรัก ความถ่อมตน และความไว้วางใจในพระเจ้า หรือมาจากความกลัว ความเย่อหยิ่ง หรือความสะดวกสบาย? ความเชื่อที่แท้จริงคือต้องดำเนินชีวิต ไม่ใช่เพียงเอ่ยปากประกาศ!

มีเรื่องเล่าของหญิงม่ายในหมู่บ้านเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธออยู่เพียงลำพังในกระท่อมหลังเล็ก ทุกเย็นเธอจะจุดเทียนและวางไว้ที่หน้าต่าง เมื่อมีคนถามว่าทำไม เธอตอบว่า “เพื่อผู้เดินทางที่อาจหลงทางหรือเหนื่อยล้า จะได้รู้ว่ามีใครอยู่ตรงนี้ มีคนที่ห่วงใย”

หลายปีผ่านไป คืนหนึ่งที่ฝนลมกระหน่ำ ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินโซซัดโซเซเข้ามาในหมู่บ้าน ทั้งเปียกปอน หนาวเหน็บ และอ่อนแรง เขาเห็นแสงเทียนนั้น เคาะประตู และได้รับการต้อนรับ หญิงม่ายให้เขาอาหาร ความอบอุ่น และที่นอนคืนนั้น ต่อมาชายหนุ่มผู้นั้นได้บวชเป็นพระสงฆ์ และมักเล่าเรื่องของหญิงม่ายผู้มีความเชื่อมั่นคง ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

ความเชื่อของเราก็ควรเป็นเหมือนแสงเทียนนั้น — สว่าง มั่นคง อบอุ่น และต้อนรับ ให้มันส่องประกายในถ้อยคำของเรา ชี้นำการตัดสินใจของเรา และเป็นแสงนำทางให้ผู้อื่น อย่าเพียงพูดถึงความเชื่อ แต่จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ การตื่นเฝ้า และความรัก

ขอให้หัวใจของเราตื่นเฝ้า มือของเราเปี่ยมด้วยการให้ และความเชื่อของเรามั่นคง เพื่อว่าเมื่อใดที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามา พระองค์จะทรงพบว่าเราพร้อม รอคอย และเต็มไปด้วยความยินดี



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น