วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

 

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา (28 กันยายน ค.ศ. 2025)

การไตร่ตรองพระวรสาร: ลูกา 16:19-31

โดย คุณพ่อ Clarence Devadass

พระวรสารวันนี้ยังคงต่อเนื่องในหัวข้อที่เราได้ฟังตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ความท้าทายของความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ และผลกระทบที่สิ่งเหล่านี้มีต่อความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาชายมั่งมีและลาซารัสผู้ยากจน

ภาพที่ปรากฏชัดเจนคือ ชายมั่งมีนุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อละเอียด กินเลี้ยงหรูหราทุกวัน ขณะที่หน้าประตูบ้านของเขา มีชายยากจนชื่อ ลาซารัส นอนป่วยเต็มไปด้วยแผลพุพอง เขาหวังจะได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะ แต่กลับถูกทอดทิ้ง จนกระทั่งสุนัขยังแสดงความเมตตาต่อเขามากกว่ามนุษย์เสียอีก

เมื่อความตายมาถึง ทุกสิ่งกลับตาลปัตร ลาซารัสได้รับการอุ้มชูเข้าสู่อ้อมอกของอับราฮัม ส่วนชายมั่งมีต้องทนทุกข์ทรมาน พระวรสารนี้ไม่เพียงพูดถึงรางวัลและการลงโทษ แต่พูดถึง “การมองเห็นและการมืดบอด” บาปของชายมั่งมีไม่ใช่ความร่ำรวยของเขา แต่เป็นเพราะเขาไม่เห็น ไม่ใส่ใจ และไม่สนใจเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าประตูบ้านตน

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่อุปมาโบราณ แต่เป็นเรื่องของเราในวันนี้ เป็นความจริงที่เห็นได้ทุกถนนหนทางและละแวกบ้าน คนที่นอนตามทางเท้า ใต้สะพาน หรือคนที่ยื่นมือขอความช่วยเหลือ คนที่ขายกระดาษทิชชู่ ถุงเท้า หรือปากกาตามร้านอาหารและคาเฟ่ นี่คือลาซารัสในยุคปัจจุบัน คำถามสำคัญไม่ใช่ว่าพวกเขามีอยู่หรือไม่ แต่คือ เรามองเห็นพวกเขาหรือไม่? เราปล่อยให้การปรากฏตัวของเขากระทบใจเราบ้างหรือไม่?

พระวรสารไม่ได้เรียกร้องให้เราจัดการแก้ไขปัญหาความยากจนทั้งโลกในทันที ไม่ได้บอกให้เราแบกรับทุกความทุกข์ยาก หรือแม้กระทั่งต้องหยิบยื่นเงินทุกครั้งที่มีคนขอ สิ่งที่พระวรสารเรียกร้องคือ การเปลี่ยนแปลงหัวใจ การมีจิตสำนึก การตระหนักรู้ ความผิดของชายมั่งมีคือหัวใจที่ด้านชา เขาสามารถกินเลี้ยงหรูหราได้ โดยไม่เหลียวแลผู้ทุกข์ยากตรงประตูบ้านเลย

“ลาซารัส” ของเรามิใช่เพียงผู้ไร้บ้านเท่านั้น แต่ยังหมายถึงพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร แคชเชียร์ที่จัดของใส่ถุงให้เรา คนงานเก็บขยะทุกเช้า หรือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานหนักเพื่อยังชีพ — พวกเขาล้วนคือพี่น้องที่พระเจ้าทรงรัก คำถามคือ เรามองเห็นคุณค่าของพวกเขาหรือไม่? หรือเห็นแค่ในฐานะผู้ให้บริการ?

ความเมตตาไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการให้เงินเสมอไป แต่เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ได้ เช่น รอยยิ้ม คำทักทายด้วยความเคารพ การพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้คือการยืนยันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สร้างสายสัมพันธ์ และเตือนเราว่าทุกคนมีพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่ภายใน

อุปมานี้เชิญชวนเราให้ใคร่ครวญท่าทีในชีวิตประจำวันของเรา การตระหนักรู้คือก้าวแรก หากเราหยุดชั่วขณะ เห็น และยอมให้หัวใจของเราถูกปลุกให้สะเทือน พระจิตเจ้าจะนำเราไปไกลกว่านั้น ไปสู่ความใจกว้าง ความเป็นหนึ่งเดียว และการกระทำที่ยุติธรรม

ท้ายที่สุด เรื่องของลาซารัสไม่ใช่เพียงเรื่องของชายสองคน แต่เป็นเรื่องของสองแนวทางในการดำเนินชีวิต แนวทางหนึ่งคือการปิดตาปิดใจ สร้างกำแพงแห่งความสะดวกสบาย และพลาดโอกาสที่จะรัก อีกแนวทางคือการเปิดตา เปิดใจ แม้จะเผชิญกับความทุกข์ และได้รับความสุขนิรันดร

ดังนั้น วันนี้ขอให้เราอธิษฐานขอพระหรรษทานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้เรามีดวงตาที่เปิดกว้าง และมีหัวใจที่อ่อนโยน อย่าปล่อยให้เราต้องมานึกได้เมื่อสายเกินไปเหมือนชายมั่งมี แต่ให้เรามองเห็นลาซารัสในผู้ยากจน ผู้โดดเดี่ยว และผู้ถูกลืมเลือนรอบตัวเรา และให้เราตอบสนองด้วยความเมตตาที่แท้จริง ซึ่งสะท้อนหัวใจของพระคริสตเจ้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น