วันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ (14
กันยายน 2025) จากบทเทศน์ของ Fr
Clarence Devadass
หลายปีก่อน มีชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านห่างไกล
เขาสวมไม้กางเขนเล็ก ๆ ทำจากไม้ไว้ที่คอ ขณะเดินผ่านเมืองใกล้ ๆ
มีคนล้อเลียนเขาว่า
“ทำไมต้องสวมเครื่องหมายแห่งความตาย? ไม้กางเขนก็เป็นเพียงเครื่องประหารอาชญากรไม่ใช่หรือ?”
ชายหนุ่มตอบอย่างอ่อนโยนว่า
“ใช่ ผมรู้ แต่ไม้กางเขนนี้เตือนให้ผมระลึกว่ามีผู้หนึ่งสิ้นพระชนม์เพื่อผม
ไม่ใช่เพื่อจะพิพากษาผม แต่เพื่อช่วยผมให้รอด
ไม้กางเขนนี้จึงไม่ใช่สัญลักษณ์ของความตายอีกต่อไป แต่เป็นพยานแห่งความรัก
การเสียสละ และการไถ่กู้ นี่คือเหตุผลที่ผมมีชีวิตอยู่”
วันนี้เมื่อเราฉลองวันเทิดทูนไม้กางเขน
เราได้รับการย้ำถึงความจริงเดียวกันนั้น
แต่เดิมไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอับอาย ความทุกข์ทรมาน
และความตาย—เป็นเครื่องมือประหารสำหรับคนที่เลวร้ายที่สุด
ทว่าเพราะพระเยซูคริสต์สละพระชนม์ ไม้กางเขนจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เคยหมายถึงความพ่ายแพ้ บัดนี้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ
สิ่งที่เคยสร้างความหวาดกลัว
บัดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของความรักและการไถ่กู้จากพระเจ้า
เป็นแก่นแท้แห่งความเชื่อคริสตชนของเรา
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พระเยซูทรงเตือนเราว่า
หากต้องการติดตามพระองค์ เราจำเป็นต้อง “แบกกางเขนของตนเอง”
การเป็นศิษย์ไม่ใช่การแสวงหาความสะดวกสบาย แต่คือความซื่อสัตย์
การยอมรับกางเขนคือการยอมรับรอยประทับของพระคริสตเจ้าบนชีวิตของเรา
ดังที่พระวรสารวันนี้ย้ำว่า
“เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก
แต่เพื่อว่าโลกจะรอดพ้นโดยทางพระบุตร” (ยน 3:17)
ดังนั้น
ไม้กางเขนจึงไม่ใช่เครื่องหมายแห่งการพิพากษา แต่คือสะพานแห่งความรอด
เมื่อเรามองไม้กางเขนในการภาวนา
เราไม่ได้มองเพียงสิ่งของในประวัติศาสตร์
แต่เรามองไปยังหัวใจที่ยังมีชีวิตของความเชื่อ
ทุกครั้งที่เราทำเครื่องหมายสำคัญกางเขนบนตัวเอง เรากำลังประกาศอย่างลึกซึ้งว่า
“ข้าพเจ้าสังกัดพระคริสตเจ้า” นี่ไม่ใช่พิธีกรรมที่ว่างเปล่า
แต่เป็นตราประทับที่มีพลัง ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่เราได้รับศีลล้างบาป
ในพิธีล้างบาป
ท่าทีแรกคือการทำสำคัญมหากางเขนบนหน้าผาก นับตั้งแต่นั้น
ชีวิตของคริสตชนก็เป็นของพระคริสตเจ้าอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
แต่เป็นการประกาศศักดิ์สิทธิ์ว่าเราถูกโอบกอดภายใต้พระหรรษทาน การคุ้มครอง
และพันธกิจของพระผู้ไถ่
ไม้กางเขนจึงไม่เพียงเป็นเครื่องหมายแห่งเสรีภาพและชัยชนะ
แต่ยังเป็นการประกาศตัวตนว่าเราเป็นใคร และเป็นของใคร หากเราเป็นของพระคริสตเจ้า
ชีวิตเราก็ต้องเป็นพยานถึงพระองค์ คำพูดที่เราเอ่ย การกระทำแห่งความรัก
การมอบความเมตตา ล้วนเป็นการประกาศพระคริสตเจ้าผ่านกางเขน
- เมื่อเราให้อภัยแทนที่จะโกรธแค้น นั่นคือการแบกกางเขน
- เมื่อเราเลือกความซื่อสัตย์แทนความสำเร็จง่าย ๆ
เรากำลังประกาศพระคริสต์
- เมื่อเราให้เกียรติแทนที่จะนินทาหรือทำร้ายผู้อื่น
เรากำลังทำให้กางเขนปรากฏในกลุ่มเพื่อน
- เมื่อเราเอาใจใส่คนยากจน เยี่ยมผู้ป่วย หรือปลอบโยนผู้เดียวดาย
เรากำลังยื่นแขนแห่งความรักของพระคริสตเจ้าออกไปสู่โลก
ในทางเลือกเล็ก ๆ เหล่านี้
ไม้กางเขนไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ที่เราสวม แต่กลายเป็นวิถีชีวิตที่เราดำเนินจริง
เป็นคำประกาศเงียบ ๆ ว่าเราสังกัดพระคริสต์
สิ่งที่เราฉลองวันนี้จึงไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
แต่คือการประกาศวิถีชีวิตที่เรายอมรับด้วยความสมัครใจ
ไม้กางเขนไม่ใช่ภาระที่ควรหวาดกลัว แต่คือความชื่นชมยินดีที่ควรโอบกอด
เพราะภายในนั้นมีพันธสัญญาแห่งความรอดพ้นของเราอยู่แน่นอน
ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณทำสำคัญมหากางเขน
อย่าทำเพียงด้วยความเคยชิน แต่ทำด้วยหัวใจที่ชื่นชมยินดี เพื่อประกาศแก่ตนเองและต่อโลกว่า
“ข้าพเจ้าเป็นของพระเยซูเจ้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น