วันระลึกถึงผู้ล่วงลับทั้งหลาย (2 พฤศจิกายน 2025)
การไตร่ตรองพระวรสาร: ลูกา 7:11-17
บาทหลวง แคลเรนซ์ เดวาดาสส์
วันนี้เรามาร่วมกันภาวนาและรำลึกถึงผู้ล่วงลับทั้งหลาย
ผู้ที่เรารักและคิดถึง และทุกดวงวิญญาณที่กำลังพักอยู่ในพระเมตตาของพระเจ้า
แม้หลายคนจะไปเยี่ยมสุสานตามธรรมเนียม แต่วันระลึกถึงผู้ล่วงลับนี้ (All
Souls’ Day) ไม่ใช่วันแห่งความเศร้า แต่เป็นวันแห่งความหวัง
แม้ร่างกายของคนที่เรารักจะกลับคืนสู่ดิน เรายังได้รับการเตือนใจว่าผ่านทางพระคริสต์
“ความรักนั้นเข้มแข็งกว่าความตาย”
และสายสัมพันธ์ของเรากับผู้ล่วงลับนั้นไม่มีวันขาดจากกันเลย
พระศาสนจักรสอนเราว่า
ความตายไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ชีวิตใหม่
ด้วยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนแปลงไป
ไม่ใช่สิ้นสุดลง
ผู้ล่วงลับของเรายังคงเดินทางต่อไปสู่ความสมบูรณ์แห่งการอยู่ต่อหน้าพระเจ้า
และคำภาวนา พิธีบูชาขอบพระคุณ การเสียสละ และการกระทำความรักของเรานั้น
เป็นหนทางที่แท้จริงและทรงพลังในการช่วยเหลือพวกเขาในเส้นทางนี้
ในพระวรสารวันนี้ เราพบเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพที่เมืองนาอีม
นี่ไม่เพียงเป็นเครื่องหมายแห่งความสงสารต่อแม่หม้ายที่สูญเสียบุตรชายเท่านั้น
แต่ยังเป็นสัญญาณแห่งความจริงที่ยิ่งใหญ่ คือ พระคริสต์ทรงมีอำนาจเหนือความตาย
การกลับคืนพระชนม์ของพระองค์เองคือเครื่องพิสูจน์สูงสุด
ว่าความตายไม่มีคำพูดสุดท้าย ในพระคริสต์เราพบความหวัง ชีวิต
และคำมั่นแห่งการอยู่ร่วมกับพระเจ้าเป็นนิจนิรันดร์
เพราะพระเยซูเจ้าทรงมีอำนาจเหนือความตาย
พระศาสนจักรจึงเชิญเราในวันนี้ให้ภาวนาเพื่อดวงวิญญาณในไฟชำระ
ซึ่งกำลังได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เพื่อเตรียมเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
ไฟชำระไม่ใช่สถานที่แห่งการลงโทษ แต่เป็นสถานที่แห่งความเมตตา
เป็นความรักอันอ่อนโยนของพระเจ้าที่ค่อย ๆ ลบล้างร่องรอยของบาปและความเห็นแก่ตัว
เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเป็นอิสระและพร้อมจะได้เห็นพระองค์อย่างเต็มตา
เมื่อเราภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ เราก็ได้มีส่วนร่วมในพระเมตตานี้ด้วย
วันระลึกถึงผู้ล่วงลับยังเป็นโอกาสให้เราพิจารณาเส้นทางชีวิตของเราเอง
วันหนึ่งเราทุกคนจะต้องยืนต่อหน้าพระเจ้า สิ่งที่เราฉลองวันนี้
จึงเป็นการเตือนใจให้เราใช้ชีวิตอย่างดี รักอย่างลึกซึ้ง ให้อภัยอย่างอิสระ และอยู่ใกล้ชิดพระคริสต์ด้วยความเชื่อมั่น
เพราะวิถีชีวิตของเราวันนี้ จะกำหนดชีวิตนิรันดรของเราเอง
วันนี้อาจมีน้ำตาเมื่อเราระลึกถึงคนที่เราคิดถึง
และนั่นเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่พระเยซูเจ้าเองก็ทรงร้องไห้ที่หลุมศพของลาซารัส
แต่น้ำตาของเรามิใช่น้ำตาแห่งความสิ้นหวัง แต่น้ำตาแห่งความรัก ความโหยหา
และความหวัง เพราะเรามีความเชื่อว่า ด้วยพระเมตตาของพระเจ้า
เราจะได้พบพวกเขาอีกครั้ง
ที่แท่นบูชานี้ ในศีลมหาสนิท
เราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับนักบุญทั้งปวง และดวงวิญญาณทุกดวงที่จากไปก่อนเรา
การมีส่วนร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณ
คือการลิ้มรสล่วงหน้าของงานเลี้ยงนิรันดร์ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้บุตรของพระองค์ทุกคน
วันนี้ ขอให้เรามอบทุกดวงวิญญาณไว้ในพระเมตตาของพระเจ้า
ระลึกถึงพวกเขาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญู ต่อความรักที่พวกเขามอบให้
ต่อความเชื่อที่พวกเขาได้ถ่ายทอด
และต่อแบบอย่างแห่งความดีที่พวกเขาทิ้งไว้ให้เราเดินตาม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น